Smart Border ไทย–กัมพูชา เทคโนโลยีอัจฉริยะและเศรษฐกิจชายแดนแห่งอนาคต

Smart border concept

Smart Border ไทย–กัมพูชา เทคโนโลยีอัจฉริยะและเศรษฐกิจชายแดนแห่งอนาคต

จากกรณีปัญหาระหว่างชายแดนของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชายแดนไทย-กัมพูชา และชายแดนไทย-เมียนมาร์ ที่ทำให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างประเทศ ประกอบกับการศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆ และ Pain point ผมจึงมีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างรั้วกำแพงชายแดนไทย–กัมพูชานำร่องและอาจจะขยายไปยังชายแดนไทย–เมียนมาร์ (ความยาวรวมหลายพันกิโลเมตร) ซึ่งผมเรียกว่า Smart border เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวไทยทุกท่านนำไปพิจารณา จากการศึกษาน่าจะมีต้นทุนการก่อสร้างสูงมาก จึงถือว่าโครงการนี้เป็นโครงการเม็กกะโปรเจ็กต์ แนวคิดยุคใหม่จึงเน้นการผสมผสาน เทคโนโลยีอัจฉริยะ และกิจกรรมเศรษฐกิจตามแนวชายแดนเข้าด้วยกัน เพื่อให้โครงการมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนจากค่าใช้จ่ายให้กลับมาเป็นรายได้ภาครัฐและกระจายรายได้ให้กับประชาชน ด้านหนึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยชายแดนแบบอัจฉริยะ อีกด้านเป็นโครงการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน โดยมีหลายแนวทางดังนี้

เทคโนโลยีสำหรับรั้วชายแดนอัจฉริยะ

  • เซ็นเซอร์และ IoT: ติดตั้งอุปกรณ์ IoT บนรั้ว เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (เสียง, แผ่นดินไหว, อินฟราเรด ฯลฯ) เพื่อสแกนหาการบุกรุกหรือการเคลื่อนที่ผิดปกติตลอดแนวรั้ว อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูลแบบไร้สายไปยังศูนย์ควบคุม ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ตำแหน่งเหตุการณ์เรียลไทม์โดยไม่ต้องเดินตรวจด้วยตนเอง
  • กล้องและวิเคราะห์ภาพด้วย AI: ติดตั้งกล้องวงจรปิดความละเอียดสูงบนรั้วผสานระบบวิเคราะห์ภาพ (AI Computer Vision) เพื่อแยกแยะบุคคล ยานพาหนะ หรือสิ่งของต้องสงสัยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกัน ใช้ระบบรู้จำใบหน้า (Face Recognition) หรืออ่านทะเบียนรถ (ANPR) ที่พัฒนาแล้วช่วยระบุตัวตนผู้ผ่านแดนได้อย่างรวดเร็ว ระบบเหล่านี้จะช่วยลดภาระแรงงานคนและเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับ
  • หอคอยตรวจการณ์และโดรนลาดตระเวน: ติดตั้งหอคอยตรวจการณ์อัตโนมัติ เช่น AI-surveillance towers ที่ใช้ตามแนวชายแดนสหรัฐฯ พร้อมระบบเซ็นเซอร์หลายชนิดติดตั้งรอบด้าน เพื่อเพิ่มมุมมองกว้างไกลและป้องกันการโจรกรรม เทคโนโลยีนี้ยังสามารถผนวกร่วมกับโดรนไร้คนขับสำหรับการลาดตระเวน เช่น โครงการนำร่องที่มาเลเซียใช้โดรนพร้อม AI บินลาดตระเวนชายแดน 18 เที่ยวบิน/วัน ครอบคลุมพื้นที่ 189 กม./วัน กับเจ้าหน้าที่เพียง 2 คน ทำให้ประสิทธิภาพการตรวจตราสูงขึ้น 18.8 เท่า
  • ระบบฐานข้อมูลกลางและแพลตฟอร์มดิจิทัล: พัฒนาฐานข้อมูลบริหารจัดการผ่านแดนและศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ (Big Data) เพื่อเก็บข้อมูลเข้า–ออก, บันทึกสินค้า และติดตามทรัพย์สินขนส่งข้ามแดน นอกจากนี้ประเทศไทยยังสามารถทดลองระบบ National Digital Trade Platform (NDTP) บนเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อดิจิไทซ์เอกสารการค้า เช่น ใบสั่งซื้อ ใบแจ้งหนี้ ใบตราส่งสินค้า ช่วยเร่งการส่งออกและนำเข้า ลดปัญหาเอกสารปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบเครือข่ายและการสื่อสาร: วางโครงข่ายไฟเบอร์หรือเทคโนโลยี 5G/IoT ควบคู่กับกำแพง เพื่อเชื่อมพื้นที่ชายแดนให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึง ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัยและเศรษฐกิจดิจิทัลในพื้นที่ เช่น การประชุมออนไลน์ ข้อมูลการค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

การพัฒนาระบบเศรษฐกิจชายแดนและการสร้างรายได้

  • ค่าผ่านแดนและค่าธรรมเนียมด่าน: จัดเก็บค่าธรรมเนียมคนและยานพาหนะผ่านแดนโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตร RFID, e-Passport เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น แนวคิดต่างประเทศ เคยเสนอขึ้นค่าธรรมเนียมบัตรข้ามแดนและค่าผ่านด่านเพื่อหาเงินทุนสร้างกำแพง แนวทางนี้ช่วยระดมรายได้โดยตรงจากผู้ใช้ด่าน และยังตรวจสอบการเข้า–ออกได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • การค้าชายแดนและดิจิทัลเทรด: ส่งเสริมการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านผ่านระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เช่น ใช้แพลตฟอร์มบล็อกเชนสำหรับการค้าชายแดน (NDTP) ให้ครอบคลุมด่านต่างๆ, ใช้ IoT ติดตามสินค้ากับศุลกากร, หรือพัฒนา e-commerce ข้ามแดน เพิ่มศักยภาพ เพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนไทยกับพม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย การอัพเกรดระบบด่าน เช่น ระบบตรวจปล่อยสินค้าสำเร็จรูป จะช่วยให้การค้าส่งออก–นำเข้าเติบโตขึ้น เพิ่มรายได้ภาษีและค่าธรรมเนียม
  • นิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจชายแดน: กำหนดพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมพิเศษติดชายแดน เช่น โรงงานแปรรูปส่งออก ศูนย์โลจิสติกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ โครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้จุดแข็งจากโครงสร้างพื้นฐานรั้ว กำแพงที่ปลอดภัยเป็นจุดขาย แนวคิดโครงการต่างประเทศเสนอสร้าง “สวนพลังงานชายแดน” ที่ติดตั้งโซลาร์และโรงกลั่นน้ำทะเลตลอดแนวพรมแดน เพื่อนำไฟฟ้าและน้ำราคาถูกมาใช้ในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีนี้จะดึงดูดโรงงานเข้ามาตั้งฐานในพื้นที่ด้วยต้นทุนพลังงานต่ำ (ไฟฟ้าส่วนเกินจากโซลาร์/วินด์ฟาร์ม) และช่วยสร้างงานจำนวนมาก นักวิชาการระบุว่าแนวคิดดังกล่าวจะเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนจาก “ดินแดนไร้มูลค่า” ให้กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมชั้นนำ (“สวนอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ได้)
  • พลังงานทดแทนและสาธารณูปโภค: ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนรั้วชายแดนเพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนระบบไฟฟ้าภาครัฐ เช่น มีการศึกษาพบว่าหากปูแผงโซลาร์บนแนวเขตแดนขนาด 5 เส้น จะผลิตไฟฟ้าได้เทียบเท่าพลังงานน้ำจากเขื่อนใหญ่ ไฟฟ้าเหล่านี้สามารถขายให้การไฟฟ้าหรือชุมชนใกล้เคียง ช่วยชดเชยต้นทุนโครงการได้. นอกจากนี้ โครงสร้างบริเวณรอบๆรั้ว ยังสามารถใช้ติดตั้งอุปกรณ์สาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น ระบบไฟฟ้าโซลาเซลล์ ท่อร้อยสาย หรือแม้แต่ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาลได้ ช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติม
  • การท่องเที่ยวและบริการชายแดน: พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวชายแดน เช่น ศูนย์วัฒนธรรม สวนชาติพันธุ์ จุดชมวิว ฯลฯ ผสานเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) ให้ประสบการณ์พิเศษแก่นักท่องเที่ยว ต่างจากบรรยากาศชายแดนทั่วไป สามารถจัดเก็บค่าบริการนำเที่ยวหรือค่าชมได้. แม้เป็นช่องทางรายได้รอง แต่ก็เป็นการใช้ประโยชน์จากระบบความปลอดภัยและโครงข่ายดิจิทัลที่มีอยู่แล้ว เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการเงินทุนจำนวนมาก ก็สามารถจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยกองทุนที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้น เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF และกองทุนอื่นๆ ที่มีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อโอกาสในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจใหม่ๆ สร้างกระแสเงินสดหรือรายได้ให้แก่ภาครัฐ และกระจายรายได้ให้กับคนไทยทั่วประเทศ

สรุป

การรวมโครงการ รั้วชายแดนอัจฉริยะ เข้ากับ นโยบายเศรษฐกิจชายแดน ทำให้รั้วไม่ใช่แค่กำแพงป้องกัน แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างมูลค่า ตลอดจนกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ เช่น การค้าอิเล็กทรอนิกส์ โซนอุตสาหกรรม พลังงานสะอาดและบริการดิจิทัลต่างๆ ตัวอย่างโครงการในต่างประเทศชี้ว่าการสร้างเครือข่ายพลังงานพร้อมนิคมอุตสาหกรรมตามแนวชายแดนจะเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมและสร้างงานที่คุ้มค่ามหาศาล

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการลงทุนครั้งแรกที่สูงและการประสานงานระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาและวางแผนอย่างรอบด้าน ทั้งด้านเทคนิค กฎหมาย และสิทธิมนุษยชน ควบคู่ไปกับการประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เพื่อให้โครงการสามารถคืนทุนได้จริงในระยะยาว

อ้างอิง: แนวคิดและข้อมูลจากงานวิจัยและรายงานจากต่างประเทศ ได้แก่

  • การใช้หอคอยตรวจการณ์ติดตั้งระบบ AI และเซนเซอร์ต่างๆ ที่ชายแดนสหรัฐฯ
  • โครงการสวนพลังงานชายแดนของ Purdue
  • การศึกษาการลาดตระเวนด้วยโดรนที่ชายแดนมาเลเซีย–ไทย researchgate.net
  • แนวทางพัฒนาการค้าดิจิทัลของไทย digitalizetrade.org, nationthailand.com เป็นต้น