การลงทุนเพื่อสุขภาพ
การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี ย่อมส่งผลดีต่อสถานะทางการเงิน แต่ถ้าเราละเลยการดูแลสุขภาพซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด กำไรและผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ก็อาจจะจ่ายไปเกือบทั้งหมดกับการรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากภาวะความเสื่อมโทรมของร่างกาย ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ถุงลมโป่งพอง และโรคอ้วน ถ้าเราสามารถสร้างความสมดุลระหว่างผลตอบแทนกำไร กับการดูแลสุขภาพ ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด เพราะถ้าเรามีสุขภาพดี เราก็จะมีโอกาสดีดีอีกหลายอย่างในชีวิต
ถ้าเราศึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพจากสื่อต่างๆ ทุกคนน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า หลักการดูแลสุขภาพมีอะไรบ้าง แต่คำถามก็คือ ทำไมแต่ละปีหลายคนยังป่วยอยู่ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจการดูแลรักษาสุขภาพมานาน หลังจากที่ได้สังเกตว่าตัวเองป่วยค่อนข้างบ่อย คือป่วยเป็นไข้เฉลี่ยปีละ 2-3 ครั้ง นอกจากนี้ก็เป็นภูมิแพ้ด้วย เวลาเป็นไข้จะมีอาการรุนแรงและทุกข์ทรมานกว่าคนทั่วไป เพราะหายใจลำบาก จะทำอะไรก็ไม่สะดวก ก็เลยเริ่มศึกษาหาความรู้วิธีการดูแลสุขภาพอย่างไรไม่ให้ป่วยอย่างจริงจัง ลองผิดลองถูก ตั้งแต่การเลือกรับประทานอาหาร ซื้ออาหารเสริมมารับประทาน ซื้อเครื่องกรองอากาศมาใช้ ออกกำลังกาย และฝึกสมาธิ
จนกระทั่งมาพบกับหลักสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพเพื่อไม่ให้ป่วย จากเมื่อก่อนผมป่วยเป็นไข้ปีละ 2-3 ครั้ง แต่ปัจจุบันผมสามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้อย่างน้อย 2-3 ปีโดยที่ไม่ป่วยเป็นไข้เลย สถิติสูงสุดที่ผมไม่ป่วยเป็นไข้เลยก็คือ 4 ปี 6 เดือน เรื่องนี้ทำให้ผมค้นพบว่า การเจ็บป่วยของคนเราส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต จริงๆ แล้วหลักการสำคัญในการดูแลสุขภาพเพื่อไม่ให้ป่วย ก็คือ "การรู้จักใช้ปัญญา" และควรใช้หลัก “วิธีคิด” นำ “วิธีการ” เพราะว่า "วิธีการ" ใครๆ ก็รู้ ใครๆ ก็สามารถหาความรู้ตามสื่อต่างๆ ได้เหมือนกัน แต่ปัญหาคือ “ทำไมหลายคนยังมีภูมิต้านทานน้อยและป่วยบ่อยๆ” เพราะฉะนั้น การใช้ปัญญา คือหัวใจของความสำเร็จในการมีสุขภาพดี
แนวคิดการดูแลสุขภาพเพื่อไม่ให้ป่วย มีหลักการที่สำคัญดังนี้
หลักการดูแลสุขภาพ
1. สุขภาพจิต
ผมจะให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเป็นอันดับหนึ่ง เพราะจากประสบการณ์จริง การจัดการความเครียดจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยได้ในหลายๆมิติ ทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อสุขภาพจิตของเราเอง เราต่างก็เคยได้ยินการเปรียบเปรยเกี่ยวกับการมีสุขภาพที่ดีว่า “ถ้าสุขภาพร่างกายดี สุขภาพจิตก็ดีตามไปด้วย และถ้าหากว่าสุขภาพจิตดี สุขภาพทางร่างกายก็ดีตามไปด้วยเช่นกัน” การจัดการกับความเครียด สามารถทำได้ตั้งแต่วิธีการพื้นฐานง่ายๆ เช่น การเดินทางท่องเที่ยวและหาที่พักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ให้ประสบการณ์ที่ดี เช่น ที่พักกรุงเทพ ที่พักพัทยา ที่พักเชียงใหม่ และที่พักภูเก็ต การออกไปเดินเล่น ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ โดยเฉพาะการวิ่ง จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสาร Endophin หรือสารที่ช่วยให้เรารู้สึกมีความสุขในระหว่างออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย นอกจากนี้ การสวดมนต์ และการฝึกสมาธิ เราสามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการนั่งสมาธิสัก 5-10 นาทีก่อนนอน แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ ตามความชำนาญและประสบการณ์ของแต่ละคน การนั่งสมาธิให้ได้วันละ 15-25 นาที ก่อนนอน จะช่วยส่งเสริมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้เป็นอย่างดี
2. อากาศ
ให้ความสำคัญกับการจัดการคุณภาพอากาศในบริเวณที่พักอาศัย เช่น รักษาความสะอาด ใช้เครื่องกรองอากาศ เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระดับออกซิเจนในเลือด เมื่อร่างกายและสมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อสมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อวัยวะ และระบบต่างๆ ในร่างกายก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน พยายามรักษาความสะอาดบริเวณที่อยู่อาศัย ควรใช้เครื่องกรองอากาศที่มีคุณภาพดี เพื่อให้เรามีอากาศบริสุทธิ์ในการหายใจ ป้องกันฝุ่น และมลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ควัน เชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารก่อโรคภูมิแพ้ และเชื้อโรคต่างๆ เพื่อรักษาระดับอ็อกซิเจนในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เมื่อเรามีระดับออกซิเจนในร่างกายที่ดีระหว่าง 94-100% หัวใจก็จะไม่ทำงานหนัก นอกจากนี้ควรหาเวลาไปฟอกปอด โดยการไปในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ หรือเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ หรือทำก่อนและหลังจากออกกำลังกายในตอนเช้า แล้วหายใจเข้า-ออกลึกๆ อย่างน้อย 7-10 ครั้ง
3. การดื่มน้ำ
ดื่มน้ำสะอาดและมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อหัวใจต้องการแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการควบคุมคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เมื่อคลื่นไฟฟ้าหัวใจดี หัวใจก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงที่นำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว โดยพิจารณาใช้เครื่องกรองน้ำที่มีคุณภาพ เช่น เครื่องกรองน้ำ eSpring แต่ถ้าเราดื่มน้ำที่ไม่มีแร่ธาตุ มีข้อมูลจากงานวิจัยว่า สภาพความเป็นกรดของน้ำ จะทำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายคายแร่ธาตุต่างๆ ออกมาพร้อมกับปัสสาวะ เมื่ออวัยวะต่างๆ ขาดแร่ธาตุก็จะทำงานหนัก หลายๆ ท่านทราบดีอยู่แล้วว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่คำถามคือ เราควรดื่มน้ำวันละกี่มิลลิลิตร? โดยไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าเราดื่มน้ำน้อยหรือมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น ถ้าเราดื่มน้ำมากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อการรักษาสมดุลของโซเดียมและโพแทสเซียมในร่างกาย จริงๆ แล้วมีสูตรคำนวณ แต่ปัญหาคือ บางครั้งลืมและไม่สะดวก การคำนวณก็ต้องใช้เวลา และในแต่ละวันน้ำหนักของคนเรามีการแปรผัน เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ผมจึงได้พัฒนาโปรแกรมคำนวณปริมาณน้ำที่ร่างกายคนเราต้องการแต่ละวัน มาให้ใช้กันแบบฟรีๆ ใช้งานง่ายมากและคำนวณได้ทันที เพียงใส่ตัวเลขน้ำหนักเป็นกิโลกรัมแล้วก็กดปุ่มคำนวณได้เลย คลิกเพื่อใช้โปรแกรมได้ที่ปุ่มนี้ >>>
4. โภชนาการ
5. การพักผ่อน
ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้เพียงพอ ควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม และตื่นประมาณตี 5 ไม่ได้หมายความว่าเวลาจะต้องเป๊ะๆ แต่เราสามารถปรับเวลาให้ยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม การพักผ่อนเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของการมีสุขภาพดี ควรเริ่มเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ถ้าเป็นคนนอนค่อนข้างดึกเหมือนผม ก็จะใช้เทคนิคนั่งสมาธิก่อนนอน การฝึกสมาธิก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เปรียบเสมือนเป็นการลบไฟล์ขยะ หรือการ Deflagment ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้จิตใจ และสมองปลอดโปร่งขึ้น เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาจะรู้สึกสดชื่น เมื่อเราสามารถตื่นเช้าได้ ก็จะมีเวลาในการออกกำลังกาย เพื่อรับบรรยากาศและอากาศดีๆ ในตอนเช้า นอกจากนี้ ในแต่ละวัน ยังมีสิ่งที่ดีๆ และมีคุณค่ารอให้เราค้นหาเพื่อชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
6. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย จากประสบการณ์ของผมเอง ต้องออกกำลังกายให้ได้อาทิตย์ละ 3-5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ซึ่งสามารถปรับความยืดหยุ่นได้
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แบ่งออกเป็น 2 อย่างหลักๆ ได้แก่1. การออกกำลังกายแบบพื้นฐาน เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ด้วยการเดินเร็วๆ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5-6 วัน เป็นการออกกำลังกายที่ทุกคนสามารถทำได้ การออกกำลังกายด้วยการเดิน จะช่วยให้ร่างกายและปอดใช้ออกซิเจนในระหว่างออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การออกกำลังกายตามความชอบ เช่น การวิ่งออกกำลังกาย เทเบิลเทนนิส ฟุตบอล ตะกร้อ แบตมินตัน บาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังกายโดยเล่นกีฬาที่เราชื่นชอบตามความถนัด แต่อาจจะมีความเสี่ยงและควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยหลักการพื้นฐานคือ ต้องมีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง และให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5-6 วัน
เพราะฉะนั้น การออกกำลังกายที่ให้ประโยชน์ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ ก็คือ เราควรจะออกกำลังกายแบบพื้นฐาน และออกกำลังกายตามความชอบควบคู่กับไป นอกจากนี้ การเล่นกีฬาตามความชอบและความถนัดของเราจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย และกีฬาแต่ละประเภทก็ช่วยฝึกทักษะทางด้านความคิดและการแก้ปัญหาต่างๆ อีกด้วย
7. การสอนให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน
ในที่นี้จะยกตัวอย่างจากการวิ่งออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน จากประสบการณ์จริงที่ผมใช้มีดังนี้8. ความพอดี
สรุปภาพรวมการดูแลสุขภาพเพื่อไม่ให้ป่วย เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ผมจะสรุปหลักการสำคัญมีเพียงแค่ 2 อย่าง คือ 1. การดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ ได้แก่ การดูแลเรื่องสุขภาพจิต อากาศ น้ำ โภชนาการ การพักผ่อน การออกกำลังกาย และความพอดี อย่างที่กล่าวมาแล้ว 2. การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 มีหลายๆ กรณีคนที่อยู่กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่กลับไม่มีการติดเชื้อ ปัจจุบันนักวิทยาศาตร์ก็กำลังสนใจศึกษาเรื่องนี้ หลักการที่ผมกล่าวมานี้อาจจะเป็นกรณีศึกษา และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องเดินตามเชื้อไวรัสตลอดเวลา แต่เป็นการฝึกให้ร่างกายได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันที่ครอบคลุมทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้กับร่างกายของเรา
ทั้งหมดนี้ก็คือ เคล็ดลับในการดูแลสุขภาพเพื่อไม่ให้ป่วยและมีภูมิคุ้มกันของร่างกายมากกว่าคนทั่วไป นอกจากจะส่งผลดีทั้งทางร่างกายและจิตใจแล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล การลงทุนในสุขภาพ ยังเป็นหลักประกันสุขภาพที่ดี และลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ก็สามารถนำไปลงทุนต่อยอดขยายพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ควบคู่กับการมีอายุที่ยืนยาว เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเรามีความมั่นคงทางการเงิน และอายุที่ยืนยาวแล้ว ก็มีโอกาสสร้างบุญกุศลและทำประโยชน์ต่อสังคม และเศรษฐกิจ เป็นการสร้างประโยชน์ต่อทั้งตัวเราเองและผู้อื่น เป็นการลงทุนอย่างชาญฉลาด และมีประโยชน์อย่างบูรณาการ